จากกรณีการตายของ ตั้ว-ศรัณยู วงษ์กระจ่าง พระเอกตลอดกาล ดาราหนัง และผู้กำกับโด่งดังวัย 59 ปี ที่จากไปอย่างกะทันหัน ด้วยโรคมะเร็งตับ หลังเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา จากการเกิดอุบัติเหตุล้มจนถึงกระดูกสันหลังหัก ต่อจากนั้นหมอจึงตรวจเจอว่าป่วยด้วยโรคมะเร็งตับระยะสุดท้าย
แบก “ตั้ว ศรัณยู” ส่งโรงพยาบาลด่วน หลังเสียท่าล้มในกองถ่ายจนถึงกระดูกยุบ
วงการบันเทิงเศร้า “ตั้ว ศรัณยู” เสียชีวิตแล้ว จากโรคมะเร็งตับระยะสุดท้าย
ปัจจุบัน ”แพทย์ขอเล่า” ได้เขียนบทความให้ข้อมูลว่า เพราะเหตุใดถึงตรวจพบโรคมะเร็งจากกระดูกที่หัก ดังต่อไปนี้
“ข่าวสารการตายของ คุณตั้ว พบว่าอาการแรกเริ่มที่หมอพบว่า คุณตั้ว เป็นโรคมะเร็งนั้น ไม่ได้มาจากอาการทางเดินอาหาร กลับมาจากที่ คุณตั้ว ล้มและกระดูกหัก และก็แพทย์ที่ทำการรักษา ไปพบว่าเป็นกระดูกหักแบบไม่ปกติ เหมือนมีต้นเหตุที่เกิดจากโรคมะเร็ง
ซึ่งการที่กระดูกหักอันมีเหตุมาจากโรคมะเร็ง สามารถพอเพียงบอกได้จาก x-rays กระดูก ซึ่งโดยธรรมดาแล้วเพียงพอหมอที่ได้มองเห็นความผิดปกติจาก x-rays กระดูก ก็จะค้นหาว่ากล่าว ความผิดปกตินั้นเป็นก้อนโรคมะเร็ง จริงหรือไม่ และก็ถ้าเป็นจริงก็จำเป็นต้องมาหาว่ากล่าว เป็นมะเร็งจากตัวกระดูกเอง หรือ เป็นโรคมะเร็งที่แพร่กระจายมาจากอวัยวะอื่น ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หากเป็นผู้ที่แก่ ถ้าเกิดเจอก้อนโรคมะเร็งรอบๆกระดูก ก็ชอบมีเหตุที่เกิดจาก โรคมะเร็งจากอวัยวะอื่นแพร่กระจายมาที่กระดูก
ดังนี้ โรคมะเร็งหลักๆที่ชอบมีการแพร่กระจายมาที่กระดูกเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งไต มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งไทรอยด์ ฯลฯ
ผมเองก็เคยตรวจเจอผู้ป่วยกรณีคล้ายของ คุณตั้ว อยู่หลายเคสเป็นเป็นคนทำงานธรรมดามาตลอด และก็เกิดอุบัติเหตุ (ชอบเป็นอุบัติเหตุไม่รุนแรงแม้กระนั้นกระดูกก็หัก เนื่องจากตัวโรคมะเร็งไปทำลายกระดูก กระดูกเลยไม่แข็งแรง) แล้วกระดูกหัก แต่ว่าปรากฏในที่สุดเป็นมะเร็งระยะในที่สุด !!!!
ซึ่งกรณีแบบงี้ ผู้ป่วยชอบทำใจรับไม่ค่อยได้ เพราะเหตุว่าไม่รู้ตัวหรือทำใจมาก่อน
ผมก็เลยต้องการจะเขียนบทความนี้ไว้ครับ ชีวิตของเราทุกคนไม่แน่นอน อาจจะมีโรคร้ายแฝงอยู่โดยที่พวกเราไม่รู้ตัวก็เป็นไปได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนอาจจะจำต้องคิดไว้และไม่ประมาทกับชีวิตครับ
สิ่งที่พวกเราพอเพียงจะทำเป็นก็คือ จำเป็นต้องหมั่นดูแลสุขภาพ บริหารร่างกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อได้ลดการเสี่ยงของโรคร้ายต่างๆครับ
ผมก็ขอเขียนบทความนี้เพื่อเป็นความทราบแก่คนทั่วไป แล้วก็ขอเเสดงความเศร้าใจกับครอบครัวของ คุณตั้ว-ศรัณยู วงษ์แน่ชัด ไว้ในที่นี้ด้วยนะครับ”
แพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป อธิบดีกรมการแพทย์ บอกว่า เมืองไทยมีผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งสิ้น ปีละ 122,757 ราย โรคมะเร็งตับและท่อน้ำดีนับว่าเป็นมะเร็งที่เจอเป็นชั้น 1 ในเพศชาย และชั้น 2 ในผู้หญิง จากข้อมูลทะเบียนโรคมะเร็งประเทศไทย (ปี 2558) พบว่ามีคนเจ็บโรคมะเร็งตับรายใหม่ 20,671 ราย ในปริมาณนี้มีผู้เสียชีวิต 15,912 ราย ซึ่งโรคมะเร็งตับที่พบมากในประเทศไทยมี 2 จำพวก คือ โรคมะเร็งของเซลล์ตับและโรคมะเร็งท่อน้ำดีตับโดยมักพบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ
สาเหตุของโรคมะเร็งตับเกิดจากการเป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบประเภทบี ส่วนสาเหตุของโรคมะเร็งท่อน้ำดีเกิดจากพยาธิใบไม้ตับร่วมกับการกินอาหารที่มีดินประสิว (ไนเตรท) รวมทั้งไนไตรท์ ตัวอย่างเช่น ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม แหนม อื่นๆอีกมากมาย นอกจากนั้น การดื่มสุราเป็นประจำ การรับพิษอะฟลาทอกซินที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อราบางจำพวกที่เจอในอาหารจำพวกถั่ว ข้าวโพด พริกแห้ง รวมทั้งเชื้อไวรัสตับอักเสบจำพวกซีก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับได้
ในช่วงเวลาที่ นายแพทย์จินดา โรจน์นเมธินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเกี่ยวกับอาการของโรคมะเร็งตับว่า คนเจ็บแต่ละรายอาจมีอาการแสดงแตกต่างกัน ซึ่งโดยทั่วไปมักไม่มีอาการในระยะเริ่มต้น อาการส่วนใหญ่ที่เจอหมายถึงแน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อเป็นประจำ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ปวดหรือเสียดชายโครงขวา บางทีอาจลูบคลำเจอก้อนในท้อง ตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต รวมทั้งมีอาการบวมรอบๆขาทั้ง 2 ข้าง ฯลฯ
ถ้าเกิดมีอาการเหล่านี้ควรจะปรึกษาหมอเพื่อรับการตรวจวินิจฉัย อาทิเช่น การตรวจเลือดดูความไม่ปกติจากการทํางานของตับ การตรวจระดับอัลฟาฟีโตโปรตีน การอัลตราซาวด์เพื่อดูก้อนที่ตับ การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็ก ฯลฯ สำหรับในการรักษามะเร็งตับรวมทั้งท่อน้ำดีมีหลายวิธีซึ่งจําเป็นต้องประเมินโดยแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
ซึ่งการป้องกันโรค ทำเป็นโดยการให้วัคซีนเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีในเด็กแรกเกิดทุกคน ไม่รับประทานปลาน้ำจืดดิบ เปลี่ยนแปลงกระบวนการดำเนินชีวิตและก็พฤติกรรมสุขภาพ รับประทานอาหารที่ถูกตามหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงของกินที่มีสารก่อโรคมะเร็ง ได้แก่ ของกินที่บางทีอาจปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซิน ของกินที่มีดินประสิว และของกินหมักดอง ฯลฯ
ถ้าหากสงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งตับ ควรจะรีบปรึกษาหมอเพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยยิ่งไปกว่านั้นคนเจ็บโรคตับเรื้อรังหรือมีประวัติเป็นโรคตับอักเสบ ควรจะรับการตรวจหาโรคมะเร็งอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างทันการรวมทั้งลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับได้